ขั้นตอนเบื้องต้นในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ ขั้นแรกเข้าไปที่ www.set.or.th หน้าต่างประมาณรูปครับ
หลังจากนั้นพิมพ์ชื่อหุ้นเข้าไปที่ช่อง Get Quote เช่นพิมพ์หุ้น CPN เข้าไปแล้วคลิกที่ปุ่มที่มีเครื่องหมาย >
จะปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับหุ้น CPN ดังภาพ
คลิกไปที่ งบการเงิน/ผลประกอบการ
มาดูในรายละเอียดกันนะครับ
สินทรัพย์รวม : คือ ทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทที่คิดเป็นมูลค่าได้ตามตัวเลขที่แสดงในแต่ละปีงบประมาณ สินทรพย์รวมที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของบริษัทนั้นๆ แต่หากเป็นในทางกลับกันคือมีสินทรัพย์รวมลดลงก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการดำเนินงานที่ขาดทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าหุ้นตัวใดมีแนวโน้มสินทรัพย์รวมที่เพิ่มขึ้นทุกปีก็จัดเป็นหุ้นที่ดีน่าสนใจในการลงทุน
หนี้สินรวม : คือ หนี้สินทั้งหมดของบริษัทนั้นๆ ที่เหลืออยู่ในแต่ละปี ตัวเลขหนี้สินรวมนี้ยิ่งน้อยก็น่าจะยิ่งดี แต่อย่างไรก็ตามบริษัททุกบริษัทก็จะมีหนี้สินอยู่แล้ว เนื่องมาจากการลงทุนเพื่อการดำเนินธุรกิจ สำหรับผมหนี้สินรวมไม่ควรเกินครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์รวมจึงจะถือว่าน่าลงทุน แต่หุ้นบางตัวอาจจะยกเว้นเนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงหรือยกเว้นบางช่วงเวลา เช่น ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ คงต้องพิจารณาถึงลักษณะของธุรกิจประกอบด้วยว่าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มที่ดีหรือไม่ ในอนาคตน่าจะมีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจหรือไม่
รายได้รวม : คือรายได้ที่บริษัทนั้นๆ ได้รับมาในปีนั้นๆ เป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงผลการดำเนินธุรกิจได้ว่าธุรกิจนั้นสามารถสร้างรายได้ให้หรือไม่ ดังนั้นตัวเลขรายได้รวมยิ่งมากก็ยิ่งดี โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์รวมแล้ว กล่าวคือ สินทรพย์รวม เหมือนกับว่าเราลงทุนเป็นเงินเท่านั้นแล้วสร้างรายได้ให้กับเราเท่ากับ ตัวเลขรายได้รวม บางบริษัทมีสินทรัพย์พันล้านแต่ทำรายได้หลายพันล้านอันนี้น่าสนใจมาก แต่ก็ต้องดูให้ดีว่ามีความมั่นคงในระยะยาวหรือไม่ ไม่ใช่ทำรายได้แบบนั้นแค่ช่วงสั้นๆ แล้วก็กลายเป็นขาดทุนไปแทน
กำไรสุทธิ : คือ รายได้ที่หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเป็นผลกำไร ตัวเลขกำไรยิ่งมากก็ยิ่งน่าสนใจ หากต้องการเปรียบเทียบระหว่างหุ้นควรเปรียบเทียบเป็นอัตราส่วน เช่น กำไรสุทธิ/สินทรัพย์รวมหรือ ROA (Return On Assets) นั่นเอง
กำไรต่อหุ้น : กำไรรวมที่หารเฉลี่ยให้ต่อหุ้นหนึ่งหุ้นนั่นเอง เหมือนเดิมกำไรยิ่งมากก็ยิ่งดี
ROA(%) : คือ Return On Assets เป็นการเทียบกำไรกับสินทรัพย์รวมนั่นเอง ดังนั่นเลขยิ่งมากก็ยิ่งดี
ROE(%) : คือ Return On Equity หรือกำไรสุทธิหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น ตัวเลขยิ่งสูงก็ยิ่งดี โดยทั่วไปคือประมาณ 12-15%
P/E (เท่า) : คือ Price/Earning per Share ราคาหุ้นเทียบหับรายได้ต่อหุ้น ดังนั้นตัวเลขยิ่งน้อยก็ยิ่งดี ถ้ารายได้ไม่เพิ่มขึ้นจะหมายถึงระยะเวลาในการคืนทุนนั่นเอง เช่น 10 เท่าก็คือต้องลงทุน 10 ปี ถึงจะคืนทุน
P/BV (เท่า) : คือ Price/Book Value ราคาเทียบกับมูลค่าทางบัญชี ตัวเลขยิ่งน้อยก็ยิ่งดีเพราะแสดงแดงให้เห็นว่าเราซื้อหุ้นได้ถูก ยิ่งถ้าน้อยกว่า 1 แสดงว่าเราซื้อหุ้นได้ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี แต่หุ้นที่ดีย่อมเป็นที่สนใจของตลาด ซึ่งทำให้ราคาของหุ้นมักสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีเสมอ ดังนั้นอาจจะต้องไปเน้นที่ ROE แทน
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บาท) : คือมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นซึ่งได้มาจากการคำนวณ โดยหารสวนของผู้ถือหุ้นด้วยจำนวนหุ้น
อันตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (%) : คืออัตราผลตอบแทนต่อหุ้นในระยะเวลา 1 ปี ดังนั้ยยิ่งมากก็ยิ่งดี แต่บางครั้งการปันผลเยอะเกินไปก็อาจทำให้การดำเนินธุรกิจมีปัญหาได้
ราคาล่าสุด(บาท) : คือราคาล่าสุดที่ตลาดซื้อขายกัน
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : คือมูลค่าหลักทรัพย์โดยการคำนวณจากราคาตลาดในตอนนั้น
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับสำหรับการเลือกลงทุนในหุ้นของท่าน